น.ส.วราลี จิรชัยศรี หัวหน้าสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “จากสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID–19 ที่เริ่มมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้น นอกเหนือจากมาตรการรับมือเบื้องต้นที่เอไอเอสได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่การให้ความสำคัญต่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ, บุคลากร, ตัวแทนจำหน่ายและพาร์ทเนอร์ที่ร่วมทำงานกับทุกฝ่าย เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดสู่ส่วนรวมแล้วนั้น
“ล่าสุดได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อให้งานบริการลูกค้าและการปฏิบัติงานในทุกส่วนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก (Business Continuity) ประกอบด้วย
– เดินหน้าร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ อาทิ foodpanda และ LINE MAN มอบสิทธิพิเศษ อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในกรณีหากจำเป็นต้องกักตัวเพื่อดูอาการ หรือ จำเป็นต้องทำงานนอกสถานที่
– เริ่มนำ Digital Platform เข้ามาประยุกต์ใช้ พร้อมนำเสนอให้แก่ลูกค้า และ องค์กรต่างๆ เพื่อให้การทำงานทุกด้านไม่หยุดชะงัก อาทิ การสัมภาษณ์พนักงานใหม่ผ่าน VDO Conference รวมถึงระบบ Remote Access ในกรณีหากจำเป็นต้องทำงานนอกสถานที่ หรือ Work From Home
– เตรียมจัดแบ่งทีมพนักงานที่สามารถทำงานทดแทนซึ่งกันและกันได้อย่างทันท่วงที
– เตรียมความพร้อมของพื้นที่ทำงานทดแทน กรณีหากต้องมีการเปลี่ยนสถานที่ทำงานชั่วคราว
รวมถึงมีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พร้อมรับมือได้อย่างราบรื่น ไม่กระทบกับการให้บริการลูกค้า
ส่วนมาตรการที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและยังคงบังคับใช้ คือ มาตรการป้องกันความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ตามขั้นตอนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นย้ำให้พนักงานทุกคน ตลอดจนพาร์ทเนอร์ ดูแลสุขอนามัยของตัวเองและครอบครัวอย่างเคร่งครัด ระมัดระวังในการสัมผัสจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองกลายเป็นผู้แพร่เชื้อไปสู่ส่วนรวม
ทั้งนี้ มาตรการสำคัญที่ได้ประกาศใช้ทั้งสำหรับบุคลากรและพาร์ทเนอร์ไปแล้ว ได้แก่
– งดการเดินทางไปต่างประเทศโดยเด็ดขาด ทั้งในส่วนการปฏิบัติภารกิจของบริษัท และการเดินทางส่วนตัว โดยกรณีหากมีการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงก่อนหน้านี้ ให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้าน – work from home และเฝ้าสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน หากครบกำหนดแล้วไม่พบอาการป่วย ให้พนักงานเข้าพบแพทย์แผนปัจจุบันชั้น 1 ในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน หลังจากแพทย์ลงความเห็นว่าไม่มีอาการป่วยแล้ว ต้องนำใบรับรองแพทย์มาแสดงก่อนเข้ามาปฏิบัติงานตามปกติ
– งดการประชุมทางธุรกิจกับบุคคลภายนอก รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกประเทศ โดยให้ใช้การประชุมทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ (Conference Call) แทน พร้อมทั้งมีการกำหนดกระบวนการคัดกรองพาร์ทเนอร์ที่ต้องร่วมปฏิบัติงานกับทีมเอไอเอส
– สำหรับพนักงานที่ให้บริการลูกค้าใน AIS Shop, ร้านเทเลวิซ รวมไปถึงช่างติดตั้ง AIS Fibre จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมมีการตรวจวัดไข้วันละ 2 ครั้ง และเพิ่มบริการแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือ เพื่อให้บริการลูกค้า รวมถึงการใส่ถุงมือสำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานในบริเวณสนามบิน
– ฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ปฏิบัติงานหลักตามตารางที่กำหนด ทั้งที่อาคารสำนักงาน , AIS Call Center และ AIS Shop ที่มีการเช็ดทำความสะอาด ฆ่าเชื้อจุดเสี่ยงตลอดเวลา พร้อมตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือ, อาทิ จุดบริการลูกค้า มือจับประตู ลิฟท์ และส่วนที่มีการสัมผัสบ่อยๆ
– อนุมัติปรับเวลาเข้าปฏิบัติงานของพนักงานตามความเหมาะสม เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีความแออัดสูง
– จัดการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคารเอไอเอส 1 และ 2 รวมถึงอาคารที่ทำงานอื่นๆ ในเครือเอไอเอส แบบ 100% โดยหากพบว่าพนักงานและผู้มาติดต่อ มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด
– งดประชุมหรือจัดกิจกรรมใดๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ที่ทำการของบริษัทที่จะมีจำนวนผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป โดยใช้เทคโนโลยี LIVE Broadcast เข้ามาทดแทน
พร้อมสร้างความอุ่นใจให้แก่พนักงาน เอไอเอส, ตัวแทนจำหน่าย, ช่างติดตั้ง AIS Fibre มอบกรมธรรม์ประกันชีวิต COVID–19 ให้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงจัดการอบรมให้ความรู้และวิธีการป้องกันเกี่ยวกับเชื้อไวรัส COVID–19 โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำการดูแลตัวเองและคนในครอบครัวอย่างต่อเนื่องอีกด้วย”
นางสาววราลี กล่าวในตอนท้ายว่า “ขอให้ลูกค้ามั่นใจว่า เอไอเอสได้มีมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเพื่ออำนวยความสะดวกและมอบความอุ่นใจ เราได้จัดเตรียมช่องทางใช้บริการ Online ผ่านทาง Application my AIS และ AIS Online Store ไว้เป็นทางเลือกด้วยเช่นกัน”