ถ้าเป็นสักปีสองปีก่อน คนใช้สมาร์ทโฟนทั่วไปอาจยังรู้สึกว่าหูฟังแบบมีสายคือเซฟโซน เพราะเชื่อมต่อได้เสถียรแน่ๆ มีไมค์ที่ได้ยินชัด ราคาก็เข้าถึงได้ในหลักไม่กี่ร้อย ยุคนั้นหูฟังแบบ True Wireless เพิ่งเริ่มเข้าสู่ตลาดและวางขายด้วยราคาที่สูงขึ้นมาอีกหนึ่งหลัก ทำให้ผู้บริโภคยังลังเลใจว่าจะลงทุนซื้อความสะดวกสบายนั้นเลยดีไหม
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สมาร์ทโฟนเริ่มลดพอร์ตการเชื่อมต่อลง และพอร์ตแรกที่ถูกนำออกไปก็คือ headphone jack ขณะเดียวกันนั้นหูฟัง True Wireless ก็แพร่หลายมากขึ้นและมีวางจำหน่ายในราคาที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้อย่างไม่ยากเย็น ทุกองค์ประกอบข้างต้นคงทำให้หลายคนกำลังมองหาหูฟังไร้สายชิ้นแรกในชีวิต
แต่หากยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกอย่างไรให้มั่นใจว่าคุ้มสุด ฟินสุด ใช้งานได้ยาวๆ แบบไม่ต้องมานั่งเสียดายภายหลัง ลองดูเช็คลิสต์ 5 ข้อต่อไปนี้ แล้วติ๊กไปพร้อมกันเลย
1. ต้องตัดเสียงรบกวนได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม
ชาวออฟฟิศน่าจะเคยเป็นกันหลายคน เวลาที่ห้องประชุมทุกห้องเต็ม จนต้องนั่งประชุมอยู่ที่โต๊ะของตัวเองกลางออฟฟิศ หรือเวลาออกไปทำงานข้างนอกในที่สาธารณะ แต่เสียงคุยจ้อกแจ้กของคนอื่นก็ทำคุณไม่มีสมาธิฟังเอาเสียเลย ทางเดียวที่จะช่วยได้คือหูฟังต้องมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มักจะมากับราคาที่ทำให้คิดหนัก แต่ในปี 2021 นี้ การันตีได้ว่ามีหูฟังไร้สายราคาไม่แรงที่มีเทคโนโลยี Active Noise Cancellation ให้เลือกมากขึ้น แนะนำว่าลองหาที่ราคาไม่เกิน 3,000 บาท จะถือว่ากำลังดีสำหรับคนที่เริ่มซื้อหูฟังไร้สายคู่แรก
ล่าสุดหัวเว่ยเพิ่งเปิดตัว HUAWEI FreeBuds 4i ออกมาในราคาเพียง 2,799 บาท โดยมีโหมด Active Noise Cancellation หรือ ANC ที่สามารถตรวจจับเสียงรบกวนภายนอกต่างๆ และใช้ AI กรองออกไป เพื่อให้เสียงที่ได้ยินมีความคมชัด ปราศจากเสียงกวนใจ และเมื่อใดที่เพื่อนเรียกก็สามารถเปิดโหมดการรับรู้ (Awareness Mode) ได้ง่ายๆ เพียงแตะค้างที่ก้านหูฟังเท่านั้นเอง
2. สนุกกับเสียงเพลง แบบเต็มอิ่มทุกบีทและเมโลดี้
ใครที่มองหาหูฟังก็คงมีเป้าหมายหลักคล้ายๆ กัน คืออยากฟังเพลงด้วยคุณภาพเสียงที่ดี และเมื่อหูฟังแบบ True Wireless ไม่มีสายเชื่อมกับสมาร์ทโฟนอีกต่อไปแล้ว ตัวหูฟังจึงยิ่งต้องได้รับการออกแบบอย่างละเอียดลออ เพื่อให้เสียงคมชัดและเก็บรายละเอียดทุกองค์ประกอบของดนตรีได้ดีที่สุดโดยไม่เสียดายทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป ยิ่งทุกวันนี้วิวัฒนาการของเพลงป๊อบยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น หูฟังราคาหลักพันจึงควรสร้างประสบการณ์ดนตรีเต็มรูปแบบให้ได้มากที่สุดจึงจะเรียกว่าคุ้ม
หูฟังที่ให้เสียงที่มีคุณภาพต้องประกอบด้วยไดรเวอร์ที่ช่วยให้สามารถถ่ายทอดเสียงเบสที่ทรงพลัง และไดอะแฟรมที่ยืดหยุ่นพอที่จะตอบสนองต่อการสั่งการได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกองค์ประกอบในเพลงมีความชัดเจนพอเหมาะ ผู้ฟังจึงสามารถดื่มด่ำกับเสียงได้อย่างเต็มที่ที่สุด สำหรับ HUAWEI FreeBuds 4i นั้นมี
ไดนามิกไดรเวอร์ขนาด 10 มม. ให้แอมพลิจูดที่กว้าง และมีไดอะแฟรมที่ทำด้วยโพลีเมอร์ PEEK+PU จึงทำให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงได้รายละเอียดมากขึ้น นอกจากนั้นวิศวกรยังปรับจูนให้หูฟังประมวลผลเสียงเครื่องดนตรี จังหวะ และเสียงร้องได้เข้ากับความถี่ของเพลงป๊อบมากขึ้น เพื่อให้ตรงความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งลงทุนซื้อหูฟัง TWS ครั้งแรกอีกด้วย
3. ควบคุมได้ง่าย ไม่ต้องสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน
เวลาเดินทางด้วยรถสาธารณะ หากต้องหยิบสมาร์ทโฟนมาเปลี่ยนเพลง รับโทรศัพท์ หรือปรับเสียงดัง-เบา ก็อาจเสี่ยงทำตก ทำหาย หรือเกิดความยุ่งยากแบบไม่จำเป็น ผู้ผลิตสมาร์ทดีไวซ์จึงหาวิธีทำยังไงก็ได้ให้ผู้ใช้หูฟังไม่จำเป็นต้องถือสมาร์ทโฟนเอาไว้ในมือ ซึ่งก็คือการควบคุมสิ่งต่างๆ ที่ตัวหูฟังเองด้วยการสัมผัสนั่นเอง เช่น HUAWEI FreeBuds 4i เมื่อแตะ 2 ครั้งก็จะสามารถเล่น/หยุดเพลง และรับ/วางโทรศัพท์ได้ หรือเมื่อแตะก้านหูฟังค้างไว้ครู่หนึ่งก็จะสามารถเปลี่ยนระหว่างโหมด ANC และ Awareness ได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามเวลาเลือกหูฟังจึงต้องศึกษาให้ดีก่อนซื้อ ว่าวิธีการควบคุมหูฟังเป็นอย่างไร ส่วนตัวแล้วใช้ได้ถนัดหรือไม่ เพื่อให้หูฟังเป็นไอเทมที่จะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นได้มากที่สุด
4. ใส่สบาย ง่ายต่อการพกพา
หูฟังไร้สายทุกวันนี้ก็มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบที่สวมใส่ธรรมดา หรือแบบที่มีจุกซิลิโคนอินเอียร์ และเริ่มมีแบบที่ให้ปลอกซิลิโคนขนาดแตกต่างกันมาหลายๆ ขนาด เพื่อให้เข้ากับสรีระของแต่ละคนได้มากขึ้นโดยไม่หลุดง่ายๆ ก่อนเลือกจึงต้องรู้ให้ชัดว่าตนชอบใส่หูฟังแบบไหน อีกอย่างคือต้องสังเกตนิสัยการพกของใช้ไปตามที่ต่างๆ ของตนเอง บางคนชอบถือกระเป๋าใบเล็กๆ จึงต้องหาหูฟังที่เคสเล็กพอจะใส่กระเป๋า crossbody หรือกระเป๋ากางเกงได้ ส่วนใครที่พกกระเป๋า tote bag ใบใหญ่ไม่ควรใช้หูฟังที่ขนาดเล็กจนหายากเกินไปหรือเสี่ยงต่อการทำหาย
HUAWEI FreeBuds 4i ออกแบบมาให้ขนาดปานกลาง เป็นขนาดที่พอดีมือคล้ายตลับแป้งของสาวๆ ทำให้ทั้งพกพาสะดวกและหาเจอในกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย และตัวหูฟังก็ได้รับการออกแบบโดยผ่านการทดสอบหลายรอบให้เป็นดีไซน์อินเอียร์ขนาดเล็กที่สามารถใส่ได้แบบสบายหู ไม่หลุดง่าย รวมถึงแถมปลอกซิลิโคนมาด้วย 3 ขนาด เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้ตามสรีระของแต่ละคน
5. ต่อให้ไม่มีเวลา ก็ชาร์จไวไปต่อได้ทั้งวัน
เมื่อเทียบกับหูฟังมีสายแล้ว จริงอยู่ที่ภาระที่เพิ่มขึ้นมาคือการชาร์จไฟ หากแบตหมดกลางทางแล้วไม่มีหูฟังสำรองก็อาจทำให้เซ็งจากการอดฟังเพลงโปรดได้ คุณสมบัติในด้านของแบตเตอรี่จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง สรุปง่ายๆ คือ หนึ่ง หูฟังต้องแบตอึดฟังได้นาน สอง ต้องชาร์จได้ไว ให้ฟังต่อได้อีกสักพักใหญ่ แม้ไม่มีเวลาชาร์จจนเต็ม
หูฟังบางรุ่นเมื่อชาร์จเพียงไม่นานก็ใช้ฟังต่อได้ยาวๆ ยกตัวอย่างเช่น เวลาเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยรถยนต์ แหล่งท่องเที่ยวฮิตๆ อย่างหัวหินน่าจะใช้เวลาจากกรุงเทพอย่างน้อย 4 ชั่วโมง สมมติว่าลืมชาร์จก่อนนอนทำให้ต้องรีบชาร์จระหว่างทำธุระส่วนตัวก่อนออกจากบ้าน ถ้าใช้ HUAWEI FreeBuds 4i ก็จะอุ่นใจได้เพราะรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว เพียง 10 นาที ก็จะสามารถฟังต่อได้อีกถึง 4 ชั่วโมง หากชาร์จเต็ม จะสามารถฟังต่อเนื่องแบบปิด ANC ได้ถึง 10 ชั่วโมง และเมื่อใช้กับเคสชาร์จ จะฟังได้นานสูงสุด 22 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นเวลาเลือกซื้อผู้ใช้สามารถดูเวลาสูงสุดในกรณีต่างๆ ที่หูฟังสามารถทำงานต่อเนื่องได้ และประเมินง่ายๆ เทียบกับลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง
HUAWEI FreeBuds 4i วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Ceramic White, Carbon Black และ Red Edition มาในราคาสุดคุ้มที่ใครก็เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ เพียง 2,799 บาท แถมยังมาพร้อมความพิเศษสุดสำหรับผู้ที่ซื้อ HUAWEI FreeBuds 4i ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 4 เมษายน 2564 รับทันที HUAWEI FreeBuds 4i CASE สีดำ มูลค่า 299 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Online Store, Shopee, และ JD Central หรือสามารถตามไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่นี่