คลังเก็บ

1 แท็บเล็ต 1 สมาร์ทโฟนตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกวัยในครอบครัว ใช้ได้ในทุกสถานการณ์

ตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลประกาศขอความร่วมมือให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เราต่างก็สังเกตเห็นชีวิตการเรียนและการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จนเป็นกระแสที่พูดกันให้ทั่วว่าอาจเกิดสิ่งที่เรียกว่า New Normal หรือวิถีชีวิตใหม่ ผลสำรวจการทำงานที่บ้าน หรือการ Work From Home ซึ่งจัดทำโดยสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) ระบุว่ามีพนักงานบริษัทเอกชนกว่า 80% ต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน โดยสัดส่วนของคนที่เคยทำงานที่บ้านเป็นประจำอยู่แล้วก่อนหน้านี้มีเพียงประมาณ 15% เท่านั้น

นอกจากนี้ หลังจากกระทรวงศึกษาธิการออกประกาศให้สถานศึกษาทั่วประเทศปิดการเรียนการสอนเพื่อป้องกันและระงับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมเป็นต้นมา นักเรียนนักศึกษาและครูอาจารย์ล้วนต้องเปลี่ยนมาใช้การเรียน การสอน และการสอบแบบบออนไลน์อย่างกะทันหัน ด้วยมาตรการนี้ทำให้เราเห็นความสำคัญของอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม

แต่ปัจจุบันมีสมาร์ทดีไวซ์สารพัดสเป็กให้เลือกซื้อเลือกสรรกันแน่นท้องตลาด จะเลือกสักเครื่องก็ต้องแน่ใจว่าเครื่องนี้แหละจะตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด คุ้มค่าที่สุด สามารถแมตช์กันได้กับการใช้งานของสมาชิกครอบครัวทุกเพศทุกวัยในบ้าน รวมทั้งควรจะมีอีโคซิสเต็มรองรับการใช้งานร่วมกันหลายๆ ดีไวซ์ เพราะความต้องการใช้งานย่อมแตกต่างกันไปตามผู้คนแต่ละวัย

วัยทำงานที่ต้องการความคล่องตัว นึกจะทำงานเมื่อไรก็หยิบจับได้สะดวก ตอบอีเมลได้ทันใจ

พนักงานบริษัท รวมไปถึงผู้บริหาร ต่างต้องการใช้ทั้งโปรแกรมออฟฟิศ โปรแกรมแชท อีเมล Video Conference เพื่อให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเสมือนอยู่ออฟฟิศ ซึ่งนอกจากคอมพิวเตอร์กับแล็ปท็อปแล้ว หากต้องการดีไวซ์ที่พกพาสะดวกและใช้งานได้คล่องตัวมากกว่า ก็สามารถลองเลือกเป็นแท็บเล็ตที่มีการใช้งานแบบ Desktop Mode ซึ่งสามารถทำงานโปรแกรมออฟฟิศต่างๆ ได้เสมือนทำผ่านคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะแท็บเล็ตที่เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดและปากกาอิเล็กทรอนิกส์ได้ ทีนี้จะทำให้นั่งทำงานมุมไหนของบ้านก็สะดวกเพราะหยิบจับและพกพาง่ายกว่าแล็ปท็อปเสียอีก แต่จะเลือกทั้งทีก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับสายตา เพราะต้องนั่งจ้องหน้าจออยู่บ่อยๆ ควรเลือกแท็บเล็ตที่จอขนาด 10 นิ้วขึ้นไป และมีโหมดปกป้องสายตาจากแสงสีฟ้าด้วย

วัยรุ่นที่ชอบความรวดเร็ว ต้องการใช้งานหลายแอปพลิเคชันในเวลาเดียวกัน

เด็กวัยนักเรียนนักศึกษาที่เดี๋ยวนี้ใช้เพียงหน้าจอเดียวไม่พออีกต่อไป เพราะส่วนใหญ่ต้องการเล่นโซเชียลไปด้วย ฟังเพลงหรือดูคลิปวิดีโอไปด้วย บางทีอยากดูซีรี่ส์ด้วยแท็บเล็ตจอใหญ่ แต่เพื่อนก็แชทมาหาอยู่เรื่อยๆ ใครที่มีความต้องการอยากใช้หลายๆ แอปฯ พร้อมกัน ลองเลือกแท็บเล็ตที่มีฟีเจอร์ Window-Multiplier แบ่งจอแสดงแอปพลิเคชันพร้อมๆ กันได้หลายแอปฯ หรือสามารถแชร์จอจากมือถือให้ขึ้นไปปรากฏบนแท็บเล็ตได้ด้วย ก็จะหมดปัญหาไม่ต้องสลับแอปฯ ไปมาให้วุ่นวายอีกต่อไป

A screenshot of a cell phone

Description automatically generated

วัยเด็กเล็กที่กำลังเรียนรู้โลกกว้าง

พ่อแม่ผู้ปกครองคงไม่สามารถพาลูกออกไปเล่นนอกบ้านในช่วงที่ไวรัสยังระบาดอยู่ แต่จะให้อยู่ในบ้านอย่างเดียวก็กังวลว่าจะจำกัดจินตนาการของเด็กๆ จนปล่อยเวลาให้เสียเปล่าและพลาดโอกาสการเรียนรู้ไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นการมีแท็บเล็ตให้เด็กๆ ใช้วาดรูปเล่นอยู่กับบ้าน หรือใช้จดโน๊ต ทำการบ้าน คำนวนเลข และค้นหาข้อมูลได้อย่างอิสระ ก็นับว่าได้ส่งเสริมพัฒนาการทั้งด้านจินตนาการและด้านวิชาการไปพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแท็บเล็ตที่เลือกมีโหมดการอ่านแบบถนอมสายตา สามารถตั้งค่าจอให้เหมือนกระดาษได้ และได้รับการรับรองว่าสามารถถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้าซึ่งเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ก็จะยิ่งดีต่อลูกน้อย

ผู้สูงอายุที่ต้องการสมาร์ทดีไวซ์หน้าจอใหญ่ๆ ไว้วิดีโอคอลกับลูกหลาน

ปัจจุบันค่ายสมาร์ทดีไวซ์หลากหลายยี่ห้อต่างกำลังพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า “อีโคซิสเต็ม” หรือการใช้งานร่วมกันระหว่างดีไวซ์ยี่ห้อเดียวกัน เช่น หากคุณพ่อคุณแม่หรือคุณหลานมีสมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series อยู่ในมือแล้ว ก็น่าสนใจที่จะซื้อแท็บเล็ตค่ายเดียวกันให้คุณลุงคุณป้า หรือคุณตาคุณยายที่ถนัดใช้แท็บเล็ตจอใหญ่ๆ ไว้สำหรับวิดีโอคอลคุยกัน เพราะทั้งสองดีไวซ์รองรับฟีเจอร์วิดีโอคอลคุณภาพสูง สามารถโทรหาและเจอหน้ากันได้ทางออนไลน์ทุกเวลาที่ต้องการ และยังหมดห่วงว่าเราอาจนำเชื้อไวรัสไปแพร่ให้กับผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงอันตรายจากโควิด-19มากกว่าเราอีกด้วย

ล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ฝั่งตะวันออกอย่างหัวเว่ยเพิ่งเปิดตัว HUAWEI MatePad Pro แท็บเล็ตระดับโปร ดีไซน์เรียบหรู เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ครบถ้วน หน้าจอแบบ FullView Display ขนาด 10.8 นิ้ว ทรงประสิทธิภาพประมวลผลฉับไวด้วยชิปเซ็ต Kirin 990  อีกทั้งได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ว่าสามารถช่วยถนอมสายตาผู้ใช้ด้วยการลดแสงสีฟ้า รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับ M-Pencil และ Smart Magnetic Keyboard แบบไร้สายและใช้งานแบบ Desktop Mode ได้เสมือนใช้แล็ปท็อป มาพร้อมระบบปฏิบัติการ EMUI 10 และรองรับ MeeTime ฟีเจอร์วิดีโอคอลเอกสิทธิ์เฉพาะของดีไวซ์ตระกูลหัวเว่ยอีกด้วย

หากใครสนใจทั้ง HUAWEI P40 Series และ Huawei MatePad Pro สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ JD Central พร้อมข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย รวมทั้งดีไวซ์อื่นๆ ของหัวเว่ยที่ขนทัพมารับการทำงานที่บ้าน ได้ที่ https://m.jd.co.th/promotion/babel/8vAa9P95ABtmSR3qMZhXeyDJhA5-HuaweiSuperBrandDayJDCentral.html